“เวชสำอาง” (cosmeceuticals) เป็นคำผสมระหว่าง
เครื่องสำอาง = cosmetics และ
ยา = pharmaceuticals
ซึ่งเป็นเครื่องสำอาง ที่ออกฤทธิ์หรือทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ผิวหนังได้ แต่ยังไม่จัดเป็นยา
ในขณะที่ "เครื่องสำอาง" นั้นมีความหมายดังนี้
ความหมายของ คำว่า "เครื่องสำอาง" ตามมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติเครื่องสำอางพ.ศ. 2535 กำหนดไว้ว่า
1. วัตถุที่มุ่งหมายสำหรับใช้ทา ถู นวด โรย พ่น หยอด ใส่ อบ หรือกระทำด้วยวิธีอื่นใดต่อส่วนหนึ่งส่วนใดของร่างกาย
เพื่อความสะอาด ความสวยงาม หรือส่งเสริมให้เกิดความสวยงาม และรวมตลอดทั้งเครื่องประทิ่นผิวต่าง ๆ ด้วย
แต่ไม่รวมถึงเครื่องประดับและเครื่องแต่งตัวซึ่งเป็นอุปกรณ์ภายนอกร่างกาย
2. วัตถุที่มุ่งหมายสำหรับใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตเครื่องสำอางโดยเฉพาะ หรือ
3. วัตถุอื่นที่กำหนดโดยกฎกระทรวงให้เป็นเครื่องสำอาง
เครื่องสำอางไม่สามารถบำบัด บรรเทา รักษา ป้องกันโรค หรือมีผลต่อโครงสร้าง หรือ การทำหน้าที่ใดๆ ของร่างกายมนุษย์
กล่าวโดยสรุปคือ เครื่องสำอางนั้นไม่สามารถรักษาโรคได้ ในขณะที่เวชสำอางสามารถ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างผิวหนังได้ แต่ยังไม่จัดเป็นยารักษาโรค
โดยก่อนที่จะมีการบัญญัติคำว่าเวชสำอางขึ้นนั้น เครื่องสำอางที่ผู้บริโภคใช้กันทั่วไปจะมีหน้าที่อย่างง่าย คือ การล้างทำความสะอาด เช่น สบู่ แชมพู ยาสีฟัน หรือจะเป็นการให้ความชุ่มชื้นกับผิว เช่น มอยเจอร์ไรเซอร์ต่าง ๆ ซึ่งจะเป็นการเติมน้ำให้ผิวในช่วงขณะนั้น โดยไม่มีผลไปเปลี่ยนแปลงโครงสร้างในชั้นผิว
ยกตัวอย่างการทำงานของสารทั้งสองกลุ่มดังนี้
ประเภทให้ความชุ่มชื้น
เครื่องสำอาง - ครีมบำรุงประเภทนี้จะมีส่วนผสมที่ทำให้ผิวแห้งเกิดความชุ่มชื้นได้ชั่วคราว และจะระเหยออกไป ซึ่งจำเป็นต้องทาใหม่เพื่อให้เกิดความชุ่มชื้นอีกครั้งหนึ่ง แต่ไม่มีผลในการปรับโครงสร้างกักเก็บความชุ่มชื้นในผิว
เวชสำอาง - ครีมบำรุงผิวประเภทนี้จะมีส่วนผสมที่ช่วยปรับโครงสร้างเซลล์ผิวให้สามารถเก็บกักน้ำหล่อเลี้ยงผิวได้ดียิ่งขึ้น เมื่อใช้เป็นประจำจึงสามารถทำให้ผิวชุ่มชื้นได้โดยธรรมชาติ และเมื่อเลิกใช้แล้วก็จะยังคงให้ผลเช่นนั้นอยู่จนกว่าที่เซลล์บริเวณนั้นจะ เสื่อมไปตามธรรมชาติและสูญเสียความชุ่มชื้นได้ง่ายอีกครั้ง
ประเภทกันแดด
เครื่องสำอาง - ครีมกันแดดประเภทนี้จะมีเนื้อที่มองดูเหมือนครีมกันแดด มีลักษณะที่เคลือบผิว และให้ผลทางด้านปกปิดหรือนวลเนียนขึ้น แต่ไม่มีสารป้องกันรังสีผสมอยู่ ไม่มีค่า SPF เมื่อใช้เป็นประจำจึงทำให้ผิวเหี่ยว เกิดริ้วรอย ฝ้า กระ จุดด่างดำได้ เหมือนกับไม่ได้ทาครีมกันแดดเลย
เวชสำอาง - ครีมกันแดดประเภทนี้จะจะช่วยป้องกันรังสียูวีได้อย่างแท้จริง เมื่อใช้เป็นประจำจะช่วยป้องกันริ้วรอย จุดด่างดำ ฝ้า กระ ได้จริง
ประเภทต่อต้านริ้วรอย
เครื่องสำอาง - ครีมประเภทนี้จะทำหน้าที่เหมือนมอยเจอร์ไรเซอร์เท่านั้น คือ ช่วยเติมเต็มน้ำหล่อเลี้ยงผิวชั้นนอก ทำให้ผิวดูเต่งตึงหลังใช้แต่ไม่มีผลในการช่วยปรับโครงสร้างผิวในการกักเก็บ น้ำหล่อเลี้ยงผิว เมื่อน้ำระเหยหมดแล้ว ก็จะทำให้ผิวแห้งดังเดิม มีริ้วรอยดังเดิม หรือช่วยให้สภาพผิวทรง ๆ ถ้าหากโดนแดดมาก เครียดมาก ผิวก็จะทรุดได้เลย
เวชสำอาง - ครีมประเภทนี้นอกจากจะเติมเต็มความชุ่มชื้นแล้ว ยังสามารถปรับโครงสร้างผิวให้มีการสร้างสมดุลของน้ำหล่อเลี้ยงผิว และกลไกการกักเก็บความชุ่มชื้นตามธรรมชาติ เมื่อใช้เป็นประจำ จะทำให้ผิวเต่งตึง ริ้วรอยลดลงจริง แม้เลิกใช้ผิวยังสามารถทรงสภาพได้ จนกว่าเซลล์จะเริ่มเสื่อมลงด้วยปัจจัยต่าง ๆ
นี่เป็นเพียงตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงการทำงานของสารทั้งสองกลุ่มเบื้องต้นให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
เครื่องสำอางหลายยี่ห้อได้พยายามเลียนแบบให้คุณสมบัติของเครื่องสำอางที่ตนจำหน่ายแสดงผลได้เหมือนเวชสำอาง โดยการใส่สารอันตราย เช่น ปรอท เพื่อทำให้หน้าขาวใสลงไป หรือสเตียรอยด์ที่ต้องควบคุมการใช้โดยแพทยเท่านั้น เพื่อทำให้หน้าเรียบเนียน ลดอาการแพ้ ซึ่งสารทั้งสองตัวนี้ "สามารถแสดงผล" ต่อผิวในระยะเวลาอันสั้นอย่างน่าพอใจ แต่กลับทำร้ายเซลล์ผิวในระยะยาวทำให้โครงสร้างเซลล์เสียอย่างมากมาย และต้องใช้เวลาฟื้นฟูระยะหนึ่ง ซึ่งเวชสำอางสามารถฟื้นฟูโครงสร้างเซลล์ผิวที่เสียให้กลับดีขึ้นได้อีกครั้ง
ในขั้นตอนของการใช้เวชสำอางที่ทำให้เกิดการรักษาและเปลี่ยนแปลงโครงสร้างระดับของเซลล์ผิวนั้น จึงอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ในลักษณะต่าง ๆ ดังนี้
มีขุยเกิดขึ้น หน้าแห้งเล็กน้อยถึงปานกลาง แต่ไม่แสบร้อนในผิว
ในรายที่เป็นสิว โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิวอุดตันที่ฝังตัวอยู่ อาจจะผุดขึ้นมา
อาการเหล่านี้ถือเป็น "ส่วนหนึ่ง" ของกระบวนการซ่อมแซมเซลล์ผิว เพราะโดยปกติแล้วผิวจะมีการสร้างเซลล์ใหม่อยู่ตลอดเวลาและดันเซลล์เก่าขึ้นไปและหลุดออกเป็นขี้ไคล ระยะเวลาที่ผิวจะถูกซ่อมแซมก่อนที่จะถึงช่วงที่เผยเซลล์ผิวที่ดีขึ้นมาแทนนั้นขึ้นอยู่กับ "ความลึก" ของระดับความเสียหายในชั้นเซลล์ผิว แต่โดยทั่วไป หากใช้เวชสำอางคุณภาพ ระยะเวลาในการซ่อมแซมเซลล์ผิวและเกิดอาการที่ได้แจ้งไปแล้วนั้น จะไม่เกิน 1-2 สัปดาห์ หรืออย่างมากสุดคือ 3 สัปดาห์เท่านั้น
หากเลย 1-2 เดือนแล้วผิวของคุณยังไม่หยุดเป็นสิว และดูแย่ลงเรื่อย ๆ พึงระลึกไว้ว่า นั่นอาจจะไม่ใช่เวชสำอางที่สามารถรักษาผิวของคุณได้อย่างแท้จริง แต่เป็นเพียงเครื่องสำอางที่ระคายเคืองผิวของคุณอย่างต่อเนื่องเท่านั้น คุณจึงควรให้เวลาประมาณ 14 วันทุกครั้งในการใช้ผลิตภัณฑ์ใหม่ เพราะวงจรการผลัดผิว จะอยู่ที่ประมาณ 2 สัปดาห์ (ที่ผิวเก่าหลุดไป ผิวใหม่ขึ้นแทนที่)
แต่ถ้าหากคุณมีวิถีชีวิตที่สวนทางกับการดูแลสุขภาพให้ดี วงจรผลัดผิวของคุณจะยาวนานกว่านั้น ส่งผลให้ผิวหมองคล้ำ หน้าไม่เรียบเนียน และผิวดูมีอายุได้ค่ะ
ทำไมต้องใช้เวชสำอาง
ได้ผลดีกว่าเครื่องสำอาง
ช่วยปรับโครงสร้างผิว
เห็นผลเร็วและชัดเจน
ไม่เป็นอันตรายต่อผิว
...........รู้อย่างงี้แล้ว เห็นทีจะต้องเปลี่ยนใจมาใช้เวชสำอางกันแล้วซินะค่ะ
ผู้ชมทั้งหมด | 321,879 ครั้ง |
เปิดร้าน | 5 ก.ค. 2555 |
ร้านค้าอัพเดท | 17 ก.ย. 2568 |
ID LINE : @roeishop